Relax Mind Clinic
คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมจิตเวช
ใบอนุญาตเลขที่ 10102004065
Opening Hours: Mon - Thur : 12.00 PM - 8.00 PM, Sat - Sun : 10.00 AM - 5.00 PM

เกิดมาทำไม อยู่ไปทำไม ชีวิตเราเลือกได้ไหม กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ

หน้าแรก บทความ
เกิดมาทำไม อยู่ไปทำไม ชีวิตเราเลือกได้ไหม กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ

Relax Mind Clinic

หมอได้เคยมีโอกาสไปเยี่ยมหลุมศพของนักเขียนชาวอัลจีเรีย-ฝรั่งเศสชื่อ อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) ที่เมือง Lourmarin มาครับ กามูส์เป็นนักเขียน nobel prize ที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่มาก แต่ฝากงานเขียนที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นหลังไว้พอตัว ผลงานอย่าง คนนอก (The Stranger) ตำนานซิซีฟัส (The Myth of Sisyphus) หรือกาฬวิบัติ (The Plague) สามารถเอามาอ่านซ้ำได้เรื่อย ๆ และยิ่งอ่านก็ยิ่งพบว่าข้อความที่กลั่นจากความคิดของกามูส์นั้นแยบคาย ชวนคิด อย่างที่หาได้ยากยิ่งในงานของนักเขียนรุ่นหลัง ๆ

กามูส์มักพูดถึงความตาย และความไร้แก่นสารของชีวิต (absurdism) โดยกามูส์ถูกจัดเป็นนักคิดนักเขียนในกลุ่มปรัชญา existentialism (ถึงแม้เจ้าตัวจะปฏิเสธก็ตาม) ซึ่งมักพูดถึงคำถามหลักของชีวิตที่ว่า สุดท้ายคนเราก็ต้องตาย ฉะนั้นจะอยู่ไปทำไม

คำถามที่ว่า เกิดมาทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร ความหมายของชีวิตคืออะไร เป็นคำถามที่จิตแพทย์มักพบได้เรื่อย ๆ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่จำเป็นต้องเกิดในโรคทางจิตเวชเท่านั้น ในคนส่วนใหญ่ แม้แต่จิตแพทย์เองอย่างน้อยก็คงมีช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เคยตั้งคำถามประมาณนี้กับตนเอง และมันมักจะเกิดในช่วงที่ต้องทำอะไรอย่างซ้ำซากจำเจจนเหน็ดเหนื่อย

กามูส์เคยเขียนในบทความชื่อ ตำนานซิซีฟัส (The Myth of Sisyphus) ว่า ซิซีฟัสเป็นผู้ที่ถูกเทพเจ้าสาปให้ต้องกลิ้งหินก้อนใหญ่ขึ้นบนภูเขาสูง โดยเมื่อหินกลิ้งถึงจุดสูงสุดของยอดเขา มันก็จะกลิ้งตกลงมายังเชิงเขาให้ซิซีฟัสต้องเดินลงไปกลิ้งหินกลับขึ้นไปใหม่อย่างชั่วกัลปาวสาน ช่วงเวลาที่ซิซีฟัสเดินลงไปเพื่อกลิ้งหินขึ้นมาใหม่ จะเป็นช่วงเวลาที่เขาอาจเกิดคำถามว่าจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ทำไมชีวิตโหดร้ายกับเขาถึงเพียงนี้

ช่วงเวลานั้นของซิซีฟัสก็เหมือนคนเราในชั่วขณะหนึ่ง ที่ตื่นเช้า ไปทำงานหาเงิน กลับมาบ้าน นอน แล้วตื่นเช้าไปทำงานหาเงิน วนลูปไปเรื่อย ๆ จนเกิดคำถามแนวเดียวกับซิซีฟัส ซึ่งมักจะนำไปสู่ความรู้สึกว่างเปล่า (void) ไร้ความหมาย (meaninglessness) จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า จะอยู่ไปเพื่ออะไร

กามูส์ให้คำตอบว่า มีสองทางเลือกที่ให้เลือกเดินในชั่วขณะนั้น หากเราหาไม่เจอว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร เราจะฆ่าตัวตาย (suicide) หรือใช้ชีวิตอย่างตายซากไปวันๆ (philosophical suicide) แต่อีกทางเลือกนึงของผู้ที่พ้นจากภาวะนั้นมาได้คือ การขัดขืนหรือกบฏต่อชีวิต (rebel) หรืออีกนัยนึงคือการหาหรือสร้างความหมายของชีวิตขึ้นมาด้วยตนเอง

Existentialism มักจะกล่าวว่า ชีวิตแท้จริงนั้นไร้แก่นสาร คนเรามีอิสระที่สามารถเลือกทางเดินได้แต่ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบต่อผลของทางเลือกนั้น แต่กามูส์ให้แง่คิดลึกลงไปอีกว่า นอกจากชีวิตจะไร้แก่นสารแล้ว เรายังมีอิสระต่อการเลือกมุมที่จะมองชีวิตภายใต้เงื่อนไขด้วย เนื่องด้วยชีวิตคนเราไม่ได้มีอิสระขนาดจะทำอะไรก็ได้ตามใจอยาก เพราะชีวิตคนเราทุกคนมีเงื่อนไขเสมอ เช่น ความเจ็บป่วย อายุที่มากขึ้น ภาระหน้าที่ ซึ่งเงื่อนไขก็เหมือนคำสาปของซิซีฟัส

คนตาบอดอาจจะไม่สามารถเลือกที่จะมองเห็นได้เหมือนคนทั่วไปด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย แต่เขาเลือกที่จะทำงานบางอย่างให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยที่ไม่ต้องใช้สายตาหรือเลือกที่จะมองข้อดีในความสามารถอื่นที่มีอยู่ได้ คนที่ไม่มีเงินทองมากนัก อาจไม่สามารถเลือกที่จะกินอาหารแพง ๆ ได้ แต่ก็สามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพอประมาณกับฐานะ หรือเลือกที่จะไม่เปรียบเทียบกับผู้ที่มีเงินทองมากกว่าตนเองโดยไม่ต้องตีโพยตีพาย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กามูส์เน้นย้ำว่า เราเลือกมุมที่จะมองสถานการณ์ในชีวิตภายใต้เงื่อนไขบางอย่างได้เสมอ (กามูส์ไม่ได้หมายความว่าให้พอใจอยู่แค่นี้ ไม่ต้องพัฒนาตนเอง แต่ให้เลือกมองจากมุมชีวิตที่มีเงื่อนไขปัจจุบัน)

กลับมาที่ซิซีฟัส กามูส์ลองเรียบเรียงใหม่ว่า หากซิซีฟัสไม่ได้มองว่าการที่ต้องกลิ้งหินขึ้นภูเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นคำสาปของเทพเจ้า แต่เป็นเขาเลือกที่จะทำมันเองเพราะเป็นหน้าที่ของเขาโดยไม่โทษใคร ฉะนั้นเขาเองที่จะเป็นนายเหนือชีวิตของตนเองและเป็นนายเหนือคำสาปภายนอกตัว กามูส์ปิดท้ายบทของหนังสือด้วยประโยคที่ว่า “ความพยายามพิชิตฟ้าโดยตัวมันเองก็เพียงพอที่จะเติมเต็มหัวใจของคนเรา เราคงนึกออกว่าซิซีฟัสกำลังมีความสุข” ('The struggle itself towards the heights is enough to fill a man's heart. One must imagine Sisyphus happy.')

สิ่งที่กามูส์กล่าวไว้สอดคล้องกับจิตวิทยาความสุขของมนุษย์ โดยคนที่เชื่อว่าผลลัพธ์ส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่ภายใต้การเลือกของตนเองซึ่งรวมถึงการเลือกที่จะมองสถานการณ์ในชีวิตด้วยนั้น (internal locus of control) มักจะมีความสุขได้ง่ายและมีความสุขมากกว่าคนที่เชื่อว่าผลลัพธ์ส่วนใหญ่ในชีวิตเป็นผลมาจากการกระทำของผู้อื่น ตนเองไม่มีสิทธิ์เลือก (external locus of control) ซึ่งเราจะพบได้บ่อย ๆ ว่าคนที่ไม่มีความสุขมักกล่าวโทษผู้อื่น โทษโชคชะตา แต่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนตนเอง ในขณะที่คนที่มีความสุขดีพอควร มักจะพยายามทำให้เกิดในสิ่งที่ต้องการด้วยตนเองเป็นหลัก มีมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อเงื่อนไขที่มีอยู่ โดยไม่ฟูมฟายกับสิ่งรอบตัวมากเกินไป

ในส่วนความหมายของชีวิต กามูส์กล่าวเป็นนัยไว้ว่า มนุษย์เราไม่ได้ค้นพบความหมาย แต่เราสร้างความหมายขึ้นมาจากความไร้แก่นสารของชีวิต (absurd) ซึ่งความไร้แก่นสารนี้เกิดจากการที่เรารับรู้ว่าในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ชีวิตไม่ได้มีความหมายอะไรภายนอกตัวเราเลย (เพราะเราเกิดมาจากท้องแม่ตัวเปล่าโดยไม่ได้ถือใบคำสั่งจากพระเจ้าออกมาด้วยว่าให้ทำอะไร) แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสาปให้พยายามจะหาความหมาย ดังนั้น ความหมายของชีวิตจึงเกิดขึ้นภายในใจของเราเอง การหาความหมายของชีวิตก็คือ การเลือกที่จะสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวขึ้นมาในใจของเราด้วยตัวเราเอง เพราะเราเป็นอิสระที่จะเลือกภายใต้เงื่อนไข ดังนั้นเราก็มีอิสระที่จะสร้างสิ่งที่มีคุณค่าภายในใจเพื่อยึดเหนี่ยวให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป

เคยลองถามตัวเองไหมครับ ว่าที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้อยู่ไปเพื่ออะไร บางคนอาจจะได้คำตอบว่าอยู่เพื่อดูแลคนที่เรารัก บางคนอาจจะได้คำตอบว่าอยู่เพื่อสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ให้สังคม บางคนอาจจะอยู่เพื่อเล่นสนุกกับโลกรอบตัว หรือบางคนอาจจะอยู่เพื่อครอบครองวัตถุเงินทอง แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด ตอนนี้เราก็ยังหายใจอยู่ ไม่ฆ่าตัวตายไปเพราะชีวิตหมดความหมาย

การสร้างความหมายของชีวิต หากเป็นเรื่องที่เป็นไปเพื่อตัวเองล้วน ๆ เช่น การครอบครองวัตถุเงินทองเพื่ออำนาจบารมีของตนเองเป็นหลัก ความรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายคงจะอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะพอจะตายหรือมีความรู้สึกกลัวตายแล้ว เราก็จะรับรู้ว่า ทุกอย่างที่อยู่กับตนเองจะสูญไปหมด แต่หากเป็นสิ่งที่เป็นไปเพื่อผู้อื่น จะทำให้ความหมายที่สร้างคงอยู่ได้นานกว่า เช่น การครอบครองวัตถุเงินทองเพื่อส่งต่อดูแลคนในบ้านให้สบาย การที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ การที่ครูสอนลูกศิษย์ให้มีวิชาความรู้ การเขียนหนังสือ ทำงานศิลปะ หรือทำสื่อที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น การช่วยเหลือเกื้อกูล ทำงานอาสา หรือทำหน้าที่ให้ดีจากความชำนาญของตนเพื่อแก้ไขปัญหาให้ผู้อื่น เหล่านี้ เมื่อถึงช่วงเวลาที่เรากำลังจะจากโลกนี้ไป เราก็จะรับรู้ว่า อย่างน้อยเราก็ได้ทำหรือสร้างอะไรบางอย่างที่ส่งต่อจากตัวเราไปสู่โลก สู่รุ่นถัดไป เป็นการทำให้การเกิดมาครั้งหนึ่ง ชีวิตได้มีความหมายในจักรวาลที่ไร้ความหมายแห่งนี้

เกิดมาทำไม อยู่ไปทำไม ชีวิตเราเลือกได้ไหม กับคำถามที่ไม่มีคำตอบจากภายนอก เพราะคำตอบอยู่ในใจของเราแต่ละคนที่เลือกจะตอบตัวเองอย่างไรให้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมา

“In the midst of hate, I found there was, within me, an invincible love.
ท่ามกลางความเกลียดชัง ฉันยังคงพบความรักอยู่ในตัวฉัน

In the midst of tears, I found there was, within me, an invincible smile.
ท่ามกลางหยาดน้ำตา ฉันยังคงพบรอยยิ้มอยู่ในตัวฉัน

In the midst of chaos, I found there was, within me, an invincible calm.
ท่ามกลางความวุ่นวาย ฉันยังคงพบความสงบอยู่ในตัวฉัน

I realized, through it all, that…In the midst of winter, I found there was, within me, an invincible summer.
ฉันระลึกได้ว่า ท้ายที่สุดนี้ ท่ามกลางฤดูอันเหน็บหนาว ฉันยังคงพบความอบอุ่นอยู่ในตัวฉัน

And that makes me happy. For it says that no matter how hard the world pushes against me, within me, there’s something stronger – something better, pushing right back.”
และนั่นทำให้ฉันมีความสุข เพราะมันหมายความว่า ไม่ว่าโลกจะโหดร้ายกับฉันสักเพียงใด ในตัวฉัน ยังคงมีบางสิ่งที่มีพลัง มีบางสิ่งที่ดีกว่ากำลังผลักดันมันออกไป

Albert Camus
อัลแบร์ กามูส์

Paris 15-07-2022

ผศ.นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันดร

© Relax Mind Clinic. All Rights Reserved.

Powered by KPK Computer